สถานการณ์พลังงานโลก ณ ปัจจุบัน


สถานการณ์พลังงานโลก 2555


แนวโน้มสถานการณ์ด้านพลังงานปี-2555
ความ ต้องการใช้นํ้ามันของโลกในปี 2555 จะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อน โดยความต้องการใช้นํ้ามันของกลุ่ม ประเทศกำลังพัฒนา นำโดย จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามการขยาย ตัวของเศรษฐกิจและการที่รัฐบาลบางประเทศยังคงอุดหนุนราคานํ้ามันอยู่ ส่วนความต้องการใช้นํ้ามันของกลุ่มประเทศพัฒนา แล้ว ได้แก่ สหรัฐฯ และยุโรป จะหดตัวลงประมาณ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาหนี้ และประสิทธิภาพในการใช้นํ้ามันที่สูงขึ้น ขณะที่ ความต้องการใช้นํ้ามันของญี่ปุ่นมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น จากการเร่งฟื้นฟูประเทศ และความต้องการนํ้ามันในการผลิตไฟฟ้าแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ได้ปิดตัวลง หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ดังนั้น ความต้องการใช้นํ้ามันของโลกโดยรวมในปี 2555 จะขยายตัวประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ ที่ระดับเฉลี่ย 90 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งผลให้ราคานํ้ามันในปี 2555 ยืนอยู่ในระดับ สูง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงทางด้านภาวะเศรษฐกิจโลก นโยบายอุดหนุนพลังงานของรัฐบาลบางประเทศ และการใช้พลังงาน ทางเลือกมากขึ้น อาจจะส่งผลให้ความต้องการใช้นํ้ามันของโลกขยายตัวได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

ฤดูกาล และภัยธรรมชาติ

ในแต่ละพื้นที่และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ความต้องการใช้นํ้ามันสำเร็จรูปแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ฤดูกาล
สภาพภูมิอากาศ และระบบโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศ ส่งผลให้ราคานํ้ามันแต่ละชนิดมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต่าง
กัน นอกจากนี้ ปัญหาสภาวะอากาศแปรปรวน (Climate Change) ที่เป็นสาเหตุให้โลกต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติบ่อยครั้งขึ้น
และความรุนแรงมีมากขึ้นด้วย อาทิเช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหว เหตุการณ์นํ้าท่วม และภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และ
อุปทานนํ้ามันของโลก และส่งผลต่อราคานํ้ามันในตลาดโลกให้มีราคาแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา

  • การเดินทางท่องเที่ยวทางรถ สหรัฐฯ จะเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์ในช่วงฤดูร้อน โดยปกติสหรัฐฯ จะนำเข้านํ้ามันเบนซินจากทั้งยุโรปและเอเชีย ล่วงหน้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ แต่คาดว่า ในปี 2555 สหรัฐฯ จะนำเข้านํ้ามันเบนซินลดลงเพราะการใช้นํ้ามันเบนซินในประเทศยังอยู่ในระดับ ตํ่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและความมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง ขณะที่เทศกาลเดินทางท่องเที่ยวของประเทศที่เป็นชาวมุสลิม จะเป็นช่วงหลังเทศกาลรอมฎอน (กันยายน - ตุลาคม) ซึ่งคาดว่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมทั้งประเทศในตะวันออกกลาง จะนำเข้านํ้ามันเบนซินเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
  •  การทำ ความรอ้นในฤดูหนาว ความตอ้งการใชน้ำมัน กลุ่มดีเซลจะปรับเพิ่มขึ้นมากในชว่งฤดหูนาว ในสหรฐั ฯ และยุโรปจะใช้นํ้ามันดีเซลเพื่อทำความร้อนเป็นหลัก ส่วนในภูมิภาคเอเชียเหนือ เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะใช้นํ้ามันก๊าด(kerosene) ในการให้ความร้อน ซึ่งความต้องการใช้นํ้ามันจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในแต่ละปี คาดว่า ในปี 2555 ญี่ปุ่นยังคงจำเป็นที่จะต้องนำเข้านํ้ามันก๊าดและนํ้ามันเตาเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ยังคงปิดดำเนินการ
  •  การขาดแคลนนํ้ามันดีเซลในจีน จีนซึ่งปกติเป็นผู้ส่งออกนํ้ามันดีเซล อาจจะต้องนำเข้านํ้ามันดีเซลเป็นครั้งคราวในปี 2555 หากเกิดภาวะไฟฟ้าขาดแคลนในประเทศ โดยเฉพาะ ในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ที่มีความต้องการใช้นํ้ามันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และแม้ว่าจีนจะมีอุปทานนํ้ามันดีเซลเพิ่มขึ้น จากโรงกลั่นใหม่ในประเทศที่จะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ก็คาดว่า จะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้นํ้ามันดีเซลที่ขยายตัวอย่างมาก
ทีมวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันกลุ่ม ปตท. คาดว่า ในปี 2555 ราคาน้ำมันดูไบจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 105 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยในปี 2554 เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น โดยความต้องการใช้น้ำมันของโลกยังคงขยายตัวจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะ จีน และอินเดีย ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยชดเชยการใช้น้ำมันในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ สหรัฐฯ และยุโรปที่มีแนวโน้มหดตัวลง จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาหนี้และประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันที่สูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโลกจะปรับเพิ่มขึ้น จากการฟื้นฟูกำลังการผลิตของลิเบียและการผลิตน้ำมันดิบจากกลุ่มนอกโอเปกที่ จะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ดังนั้นอุปทานน้ำมันดิบในปี 2555 จะสามารถรองรับความต้องการใช้ที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ โดยโอเปกยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในตลาด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น